วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556

หลักเศรษฐกิจพอเพียง

                                                        หลักเศรษฐกิจพอเพียง

                                    

หลักเศรษฐกิจพอเพียง
              หลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท โดยคำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผนการตัดสินใจ และการกระทำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีหลักพิจารณาอยู่ 5 ส่วน ดังนี้
               กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่ และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัย และวิกฤต เพื่อความมั่นคง และความยั่งยืนของการพัฒนา

                       

               คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอนคำนิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ พร้อม ๆ กันดังนี้
               ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไป และไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น เช่นการผลติ และการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
               ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ
             การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้ และไกล
เงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยทั้งความรู้ และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน กล่าวคือแนวทางปฏิบัติ / ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การพัฒนาที่สมดุล และยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้ และเทคโนโลยี
           เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
          เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
           แนวทางปฏิบัติ / ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การพัฒนาที่สมดุล และยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้ และเทคโนโลยี
หลักเศรษฐกิจพอเพียง

                            หลักเศรษฐกิจพอเพียง

 เศรษฐกิจพอเพียงกับทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ
                   เศรษฐกิจพอเพียงความหมายกว้างกว่าทฤษฎีใหม่ โดยที่เศรษฐกิจพอเพียงเป็นกรอบแนวคิดที่ชี้บอกหลักการ และแนวทางปฏิบัติของทฤษฎีใหม่ ในขณะที่แนวพระราชดำริเกี่ยวกับทฤษฎีใหม่ หรือเกษตรทฤษฎีใหม่ ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาการเกษตรอย่างเป็นขั้นตอนนั้น เป็นตัวอย่างการใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงในทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมเฉพาะในพื้นที่ที่เหมาะสม ทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ อาจเปรียบเทียบกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบพื้นฐาน กับ แบบก้าวหน้า ได้ดังนี้ความพอเพียงในระดับบุคคล และครอบครัว โดยเฉพาะเกษตรกรเป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบพื้นฐานเทียบได้กับทฤษฎีใหม่

                   

          ขั้นที่ 1 ที่มุ่งแก้ปัญหาของเกษตรกรที่อยู่ห่างไกลแหล่งน้ำ ต้องพึ่งน้ำฝน และประสบความเสี่ยงจากการที่น้ำไม่พอเพียง แม้กระทั่งสำหรับการปลูกข้าวเพื่อบริโภค และมีข้อสมมติว่า มีที่ดินพอเพียงในการขุดบ่อเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าว จากการแก้ปัญหาความเสี่ยงเรื่องน้ำ จะทำให้เกษตรกรสามารถมีข้าวเพื่อการบริโภคยังชีพในระดับหนึ่ง และใช้ที่ดินส่วนอื่น ๆ สนองความต้องการพื้นฐานของครอบครัว รวมทั้งขายในส่วนที่เหลือเพื่อมีรายได้ที่จะใช้เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ไม่สามารถผลิตเองได้ ทั้งหมดนี้เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในตัวให้เกิดขึ้นในระดับครอบครัว อย่างไรก็ตาม แม้กระทั่ง ในทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 1 ก็จำเป็นที่เกษตรกรจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากชุมชนราชการ มูลนิธิ และภาคเอกชน ตามความเหมาะสมความพอเพียงในระดับชุมชน และระดับองค์กรเป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า ซึ่งครอบคลุมทฤษฎีใหม่
        ขั้นที่ 2 เป็นเรื่องของการสนับสนุนให้เกษตรกรรวมพลังกันในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์ หรือการที่ธุรกิจต่าง ๆ รวมตัวกันในลักษณะเครือข่ายวิสาหกิจ กล่าวคือ เมื่อสมาชิกในแต่ละครอบครัว หรือองค์กรต่าง ๆ มีความพอเพียงขั้นพื้นฐานเป็นเบื้องต้นแล้วก็จะรวมกลุ่มกันเพื่อร่วมมือกัน สร้างประโยชน์ให้แก่กลุ่ม และส่วนรวมบนพื้นฐานของการไม่เบียดเบียนกัน การแบ่งปันช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตามกำลังและความสามารถของตน ซึ่งจะสามารถทำให้ ชุมชนโดยรวม หรือเครือข่ายวิสาหกิจนั้น ๆ เกิดความพอเพียงในวิถีปฏิบัติอย่างแท้จริงความพอเพียงในระดับประเทศ เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า ซึ่งครอบคลุมทฤษฎีใหม่
         ขั้นที่ 3 ซึ่งส่งเสริมให้ชุมชน หรือเครือข่ายวิสาหกิจ สร้างความร่วมมือกับองค์กรอื่นๆในประเทศ เช่น บริษัทขนาดใหญ่ ธนาคาร สถาบันวิจัย เป็นต้น
การสร้างเครือข่ายความร่วมมือในลักษณะเช่นนี้ จะเป็นประโยชน์ในการสืบทอดภูมิปัญญา แลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยี และบทเรียนจากการพัฒนา หรือ ร่วมมือกันพัฒนา ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงทำให้ประเทศอันเป็นสังคมใหญ่อันประกอบด้วยชุมชน องค์กร และธุรกิจต่าง ๆ ที่ดำเนินชีวิตอย่างพอเพียงกลายเป็นเครือข่ายชุมชนพอเพียงที่เชื่อมโยงกัน ด้วยหลักไม่เบียดเบียน แบ่งปัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ในที่สุด

                          

การผลิตตามทฤษฎีใหม่สามารถเป็นต้นแบบการคิดในการผลิตที่ดีได้ ดังนี้
        การผลิตนั้นมุ่งใช้เป็นอาหารประจำวันของครอบครัว เพื่อให้มีพอเพียงในการบริโภคตลอดปี เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวันและเพื่อจำหน่ายการผลิตต้องอาศัยปัจจัยในการผลิต ซึ่งจะต้องเตรียมให้พร้อม เช่น การเกษตรต้องมีน้ำ การจัดให้มีและดูแหล่งน้ำ จะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งการผลิต และประโยชน์ใช้สอยอื่น ๆปัจจัยประกอบอื่น ๆ ที่จะอำนวยให้การผลิตดำเนินไปด้วยดี และเกิดประโยชน์เชื่อมโยง (Linkage) ที่จะไปเสริมให้เกิดความยั่งยืนในการผลิต จะต้องร่วมมือกันทุกฝ่ายทั้ง เกษตรกร ธุรกิจ ภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจพอเพียงเข้ากับเศรษฐกิจการค้า และให้ดำเนินกิจการควบคู่ไปด้วยกันได้การผลิตจะต้องตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่าง บุคคล กับ ระบบ การผลิตนั้นต้องยึดมั่นในเรื่องของ คุณค่า ให้มากกว่า มูลค่า ดังพระราชดำรัส ซึ่งได้นำเสนอมาก่อนหน้านี้ที่ว่า
         “…บารมีนั้น คือ ทำความดี เปรียบเทียบกับธนาคาร ถ้าเราสะสมเงินให้มากเราก็สามารถที่จะใช้ดอกเบี้ย ใช้เงินที่เป็นดอกเบี้ย โดยไม่แตะต้องทุนแต่ถ้าเราใช้มากเกิดไป หรือเราไม่ระวัง เรากิน เข้าไปในทุน ทุนมันก็น้อยลง ๆ จนหมด ไปเบิกเกินบัญชีเขาก็ต้องเอาเรื่อง ฟ้องเราให้ล้มละลาย เราอย่าไปเบิกเกินบารมีที่บ้านเมือง ที่ประเทศได้สร้างสมเอาไว้ตั้งแต่บรรพบุรุษของเราให้เกินไป เราต้องทำบ้าง หรือเพิ่มพูนให้ประเทศของเราปกติมีอนาคตที่มั่นคง บรรพบุรุษของเราแต่โบราณกาล ได้สร้างบ้านเมืองมาจนถึงเราแล้ว ในสมัยนี้ที่เรากำลังเสียขวัญ กลัว จะได้ไม่ต้องกลัว ถ้าเราไม่รักษาไว้…”
            การจัดสรรทรัพยากรมาใช้เพื่อการผลิตที่คำนึงถึง คุณค่า มากกว่า มูลค่า จะก่อให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่าง บุคคล กับ ระบบ เป็นไปอย่างยั่งยืน ไม่ทำลายทั้งทุนสังคมและทุนเศรษฐกิจ นอกจากนี้จะต้องไม่ติดตำรา สร้างความรู้ รัก สามัคคี และความร่วมมือร่วมแรงใจ มองกาลไกลและมีระบบสนับสนุนที่เป็นไปได้
           ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ ถูกใช้เป็นกรอบแนวความคิดและทิศทางการพัฒนาระบบเศรษฐกิจมหภาคของไทย ซึ่งบรรจุอยู่ใน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาที่สมดุล ยั่งยืน และมีภูมิคุ้มกัน เพื่อความอยู่ดีมีสุข มุ่งสู่สังคมที่มีความสุขอย่างยั่งยืน หรือที่เรียกว่า "สังคมสีเขียว" ด้วยหลักการดังกล่าว แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 นี้จะไม่เน้นเรื่องตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ยังคงให้ความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจแบบทวิลักษณ์ หรือระบบเศรษฐกิจที่มีความแตกต่างกันระหว่างเศรษฐกิจชุมชนเมืองและชนบท[11]
               แนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ยังถูกบรรจุในรัฐธรรมนูญของไทย เช่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ในส่วนที่ 3 แนวนโยบายด้านการบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 78 (1) ความว่า: "บริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปเพื่อการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคง ของประเทศอย่างยั่งยืน โดยต้องส่งเสริมการดำเนินการตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติในภาพรวมเป็นสำคัญ"

                       

การปฏิบัติตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
        ยึดหลักพออยู่ พอกิน พอใช้
        ยึดความประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่าย ลดความฟุ่มเฟือย ในการดำรงชีพ ความเป็นอยู่ที่ต้องไม่ฟุ้งเฟ้อต้องประหยัดไปในทางที่ถูกต้อง
        ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้องและสุจริต ความเจริญของคนทั้งหลายย่อมเกิดมาจากการประพฤติชอบ และการหาเลี้ยงชีพชอบเป็นสำคัญ
         ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์และแข่งขันในการค้าขายประกอบอาชีพแบบต่อสู้กันอย่างรุนแรง ความสุขความเจริญอันแท้จริง หมายถึง ความสุข ความเจริญ ที่บุคคลแสวงหามาได้ด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนาและการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญหรือด้วยการแก่งแย่งเบียดบังจากผู้อื่น
        มุ่งเน้นหาข้าวหาปลา ก่อนมุ่งเน้นหาเงินหาทอง
       ทำมาหากินก่อนทำมาค้าขาย
       ภูมิปัญญาชาวบ้านและที่ดินทำกิน คือทุนทางสังคม
      ตั้งสติที่มั่นคง ร่างกายที่แข็งแรงปัญญาที่เฉียบแหลม

                                   พระบรมราโชวาทคุณธรรม  4  ประการ

                           

               พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในพระราชพิธีบวงสรวง
สมเด็จพระบูรพมหากษัติริยาธิราชเจ้า : 5 เมษายน 2525
            ประการแรก คือ  การรักษาสัจ  ความจริงใจต่อตัวเอง  ที่จะประพฤติปฏิบัติแต่ส่งที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรม
           ประการที่สอง คือ  การรู้จักข่มใจตัวเอง  ฝึกใจตนเองให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในสัจความดีนั้น
          ประการที่สาม  คือ  การอดทน  อดกลั้น และอดออมที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัจ  สุจริต  ไม่ว่าด้วยเหตุประการใด
         ประการที่สี่ คือ  การรู้จักละวางความชั่ว  ความทุจริต และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ ของบ้านเมือง
         พระราชดำรัส  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมหาสมาคม  ณ  พระที่นั่ง
อนันตสมาคม  เมื่อวันศุกร์ที่  9  มิถุนายน  2549
        ประการแรก คือ  การที่ทุกคนคิดพูดทำด้วยความเมตตา   มุ่งดีมุ่งเจริญต่อกายต่อใจต่อกัน
       ประการที่สอง คือ  การที่แต่ละคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน  ประสานงานประสานประโยชน์กัน ให้งานที่ทำสำเร็จผลทั้งแก่ตนและผู้อื่นและแก่ประเทศชาติ 
     ประการที่สาม คือ  การที่ทุกคน  ประพฤติปฏิบัติตนสุจริตในกฎกติกาและในระเบียบแบบแผนโดยเท่าเทียมเสมอกัน                                                                                                                        

        ประการที่สี่ การที่ต่างคนต่างพยายามทำความคิดความเห็นของตนให้ถูกต้องเที่ยงตรงและมั่นคง  อยู่ในเหตุผล   หากความคิดจิตใจ  และการประพฤตปฏิบัติที่ลงรอยเดียวกัน ในทางที่ดีที่เจริญนี้ยังมีพร้อมมูลในกายในใจคนไทย  ก็มั่นใจว่าประเทศชาติไทยจะดำรงมั่งคงอยู่ไปได้                      
      พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ  ได้พระราชทานพระบรมราโชวาท  เกี่ยวกับคุณธรรมสี่ประการ 
2  ชุด  ในสาระที่มีความสำคัญยิ่ง  ได้แก่   

                                 

     1.1  คุณธรรม  4  ประการ  ชุดแรก  พระราชทานในวโรกาสพระราชพิธีบวงสรวง
สมเด็จพระบูรพกษัตติยาธิราชเจ้า  เมื่อวันที่  5  เมษายน  2525
      1.2  คุณธรรม  4  ประการ  ชุดหลัง  พระราชทานในวโรกาสเสด็จออกพระสีหบัญชร 
ณ  พระที่นั่งอนันตสมาคม  เมื่อวันที่  9  มิถุนายน  2549
         คุณธรรมสี่ประการทั้ง  2  ชุดนี้  ได้มีการเผยแพร่อย่างกว้างขวางในสังคมไทย  โดยสามารถจะพัฒนาให้เป็นกระบวนการเรียนรู้  นำไปสู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
         คุณธรรม  4  ประการชุดแรก  จะสอดคล้องกับ  เศรษฐกิจพอเพียงแบบพื้นฐาน”  โดยสามารถขยายให้เป็นขั้นตอนการเรียนรู้  7  ขั้นตอน  ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์  ได้แก่  การจับประเด็นปัญหา  การวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา  การกำหนดขอบเขตเป้าหมายในการแก้ปัญหา  การตั้งปณิธานหรือการทำแผนปฏิบัติ  การข่มใจให้ดำรงความมุ่งมั่นการอดทนอดกลั้น  และการอดออม  ตลอดจนการสรุปประเมินผลสำเร็จ  อันจะเป็นเครื่องมือที่นำไปสู่การเข้าถึงวิถีแห่งปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง
      คุณธรรม  4  ประการชุดหลังจะสอดคล้องกับ  เศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า”  ที่ต่อยอดมาจากเศรษฐกิจพอเพียงแบบพื้นฐาน  โดยเชื่อมโยงกลุ่มคนที่สามารถพึ่งตนเองได้ในระดับหนึ่ง  ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงแบบพื้นฐาน  (ซึ่งสอดคล้องกับเกษตรทฤษฎีใหม่  ขั้นที่  1  ที่เน้นการพึ่งตนเอง  หรืออาจเรียกว่า  เป็นเศรษฐกิจพอเพียงขั้นที่  1)  แล้วให้มีการรวมกลุ่มช่วยเหลือเกื้อกูลกัน  (อันสอดคล้องกับ
เกษตรทฤษฎีใหม่ขั้นที่  2  ที่เรียกว่า  เป็นเศรษฐกิจพอเพียงขั้นที่  2)  จากนั้นก็ถักทอกันเป็นเครือข่ายที่กว้างออกไป  (อันสอดคล้องกับเกษตรทฤษฎีใหม่ขั้นที่  3  หรือเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐกิจพอเพียงขั้นที่  3)
 บันได  7  ขั้นสู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียง  
       การประพฤติปฏิบัติตามแนวทางพระบรมราโชวาทคุณธรรม  4  ประการ  เพื่อนำไปสู่วิถีแห่งปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง  สุนัย  เศรษฐ์บุญสร้างได้เสนอแนวทางสู่วิถีแห่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไว้  7  ขั้นตอน  ดังนี้
          1.  จับประเด็นปัญหา 
          2.  วิเคราะห์สาเหตุของปัญหา
          3.  กำหนดขอบเขตเป้าหมายในการแก้ปัญหา
          4.  กำหนดแผนการปฏิบัติหรือตั้งปณิธาน 
          5.  ดำรงความมุ่งหมาย
          6.  ใช้ความอดทนอดกลั้น และอดออม
          7.  สรุปประเมินผล  (ในการละวาง  ความชั่วทุจริต)
  1.   จับประเด็นปัญหา
      ชีวิตคือการเผชิญกับปัญหาและการแก้ไขปัญหาต่างๆ  อยู่ตลอดเวลา   เช่น   เมื่อหิวก็เป็นปัญหา   เมื่อเจ็บป่วยก็เป็นปัญหาเมื่ออดหลับอดนอนก็เป็นปัญหา  ฯลฯ   ถ้าเราสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างเป็นปรกติทุกวัน   มีอาหารกินอิ่ม  นอนหลับ  ขับถ่ายปรกติ  ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยเราก็ไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาอะไร  เพราะสามารถแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวันเหล่านี้ได้โดยไม่ยากได้โดยไม่ลำบาก
   2.   วิเคราะห์สาเหตุของปัญหา           
     ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละเรื่องนั้น  จะมีองค์ประกอบ  2  ส่วนใหญ่ ๆ คือเกิดจากตัวแปรของเหตุปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมกำหนดอะไรไม่ได้มากนัก  อาทิ  น้ำท่วม  ภัยแล้ง  ราคาผลผลิตตกต่ำ  ฯลฯ  กับตัวแปรของเหตุปัจจัยภายในที่ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมทางกาย  วาจา  ใจ  ของตัวเราเองอันเป็นสิ่งที่เราสามารถควบคุมกำหนดและเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้       
    3.   กำหนดขอบเขตเป้าหมายในการแก้ปัญหา                                                                                
     เมื่อวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาจากในมิติของสิ่งที่เราสามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้แล้ว   ก็ต้องกำหนดขอบเขตทิศทางการแก้ไขปัญหาให้อยู่ในกรอบของ สิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรม”  ด้วย  เพื่อให้เป็นไปในทิศทางที่เกิดประโยชน์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างยั่งยืน  หรือเป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น  ( win win situation )                             
         4.   เขียนคำปณิธานหรือทำแผนปฏิบัติ                                                                                                               เมื่อสามารถกำหนดขอบเขตเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาอย่างกว้าง ๆ ได้แล้ว  ขั้นต่อไปก็เลือกประเด็นของสิ่งที่ตั้งใจจะประพฤติปฏิบัติหรือทำแผนปฏิบัติเพื่อนำไปสู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียงต่อไป
     ขั้นตอนการปฏิบัติสู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียงขั้นตอนนี้จะเป็นไปตามɦระบรมราโชวาทคุณธรรม
 4  ประการ  ข้อแรก  คือ  การรักษาความสัจ  ความจริงใจต่อตนเองที่จะประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็นประโยชนและเป็นธรรม

5.   ดำรงความมุ่งหมาย                                                                                                                                            เมื่อกำหนดปณิธานหรือเขียนแผนปฏิบัติในสิ่งที่ตั้งใจจะประพฤติปฏิบัติแล้ว  ก็ต้องพยายามดำรงความมุ่งหมายที่จะประพฤติปฏิบัติให้ได้ตามปณิธานหรือแผนนั้น ๆ โดยอาจจะใช้เทคนิควิธีการต่าง ๆ ช่วยเตือนตนเองหรือชุมชนให้ดำรงความมุ่งหมายที่จะปฏิบัติตามสิ่งที่ตั้งใจไว้อย่างต่อเนื่องจนบรรลุผล  เช่นเขียนคำปณิธานตัวโต ๆ  ติดไว้ข้างฝาผนังห้องนอนที่บ้าน  หรือ เขียนคำขวัญติดในที่ต่าง ๆ  ของชุมชน  เพื่อกระตุ้นเตือนผู้คนให้ช่วยกันปฏิบัติตามปณิธานที่ตั้งใจไว้  หรือตั้งสัจจะอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเคารพบูชา  หรืออาจจะจัดเป็นพิธีกรรมประกาศตั้งปณิธานร่วมกันต่อหน้าสิ่งที่ผู้คนเคารพนับถือ  อาทิ  ต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เป็นต้น การปฏิบัติในขั้นตอนนี้จะเป็นไปตามพระบรมราโชวาทเรื่องคุณธรรม  4   ประการข้อที่สอง   คือ  การรู้จักข่มใจตนเองฝึกใจตนเอง
 ให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในสัจความดีนั้น
       6.   ใช้ความอดทน   อดกลั้น   และอดออม                                                                                                       นอกเหนือจากการข่มใจตนเองให้ดำรงความมุ่งหมายที่จะประพฤติปฏิบัติตามปณิธานที่วางไว้ให้ต่อเนื่องแล้ว  เมื่อประพฤติปฏิบัติไปถึงจุด ๆ  หนึ่ง  โดยปรกติก็มักจะเผชิญกับอุปสรรค  ปัญหาต่างๆ  มากบ้างน้อยบ้างเป็นธรรมดา  ในการต่อสู้กับอุปสรรคปัญหาเหล่านั้นจะต้องอาศัย กำลังของจิตใจ”  อันคือความอดทนอดกลั้นเข้าช่วย  ควบคู่กับการอาศัย   กำลังของปัญญา”  อันคือความอดออมเข้าเสริม   ( เหมือนเช่นที่เราเก็บออมเงินไว้ได้   ก็เพราะมีปัญญามองเห็นความจำเป็นอันอาจจะต้องใช้จ่ายเงินดังกล่าวในอนาคต  เป็นต้น )               
     การใช้ กำลังของจิตใจโดยอาศัยความอึด  ความอดทน  อดกลั้นเข้าสู้กับปัญหา  ควบคู่กับ การใช้    กำลังของปัญญาพิจารณาให้เห็นคุณค่าของสิ่งที่กำลังประพฤติปฏิบัตินั้น ๆ  จนสามารถเอาชนะอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ  ที่เผชิญได้เป็นผลสำเร็จก็คือขั้นตอนการปฏิบัติสู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียง ตามพระบรมราโชวาทคุณธรรม  4  ประการในข้อที่สาม   ได้แก่   การอดทน  อดกลั้น  และอดออม  ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริตไม่ว่าด้วยเหตุประการใด
                                                                                                                                                                
     7.   ละวางความชั่วความทุจริต                                                                                          
      ถ้าสามารถประพฤติปฏิบัติมาได้ถึงขั้นสุดท้าย  จนบรรลุเป้าหมายตามปณิธานที่กำหนดไว้ ในแต่ละเรื่อง  ความชั่วความทุจริตก็จะถูกสำรอกกำจัดให้หมดไปเป็นลำดับ ๆ  เหมือนความมืดกับ ความสว่างที่เป็น  2  ด้านของสิ่งเดียวกัน  ถ้าสามารถทำให้ความสว่างเกิดขึ้นได้มากเท่าใด  ความมืดก็จะลดลงไปเองมากเท่านั้น  สุดท้ายเมื่อสามารถคลี่คลายแก้ปัญหาของชีวิตตนเองหรือชุมชนได้ลดน้อยลง ได้แล้ว  เราก็จะมีเวลา  แรงงาน  เงินทอง  หรือสติปัญญาเหลือสำหรับการช่วยเหลือเกื้อกูลคนอื่นได้มากขึ้น
              จากขั้นตอนของการประพฤติปฏิบัติ  7  ขั้น  ตามแนวพระบรมราโชวาทเรื่องคุณธรรมสี่ประการ สู่วิถีแห่งปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงดังที่กล่าวมา  จะเห็นได้ว่ากระบวนการประพฤติปฏิบัติตามแนว บรมราโชวาทนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์  ซึ่งอาศัยการสังเกตปรากฏการณ์  การตั้งสมมติฐาน  การลงมือทดลองปฏิบัติเพื่อพิสูจน์สมมติฐาน   และการสรุปผล   โดยกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ที่ดูง่าย ๆ  มีเพียงไม่กี่ขั้นตอนแต่เมื่อสามารถนำไปประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม  ก็มีศักยภาพอันยิ่งใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงอารยธรรมของมนุษย์อย่างไพศาลมาได้ฉันใด  การประพฤติปฏิบัติตามแนวพระบรมราโชวาทที่เป็น  วิทยาศาสตร์ของชีวิตและสังคม”  ดังที่กล่าวมา  ก็เป็นกระบวนการที่มีพลังอันไพศาลดุจเดียวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่เราคุ้นเคยกันซึ่งถ้าปฏิบัติได้สำเร็จก็จะเป็นไปตามบทสรุปในพระบรมราโชวาทคุณธรรม  4  ประการที่ว่า คุณธรรมสี่ประการนี้  ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝังและบำรุงให้เจริญงอกงามขึ้นโดยทั่วกันแล้ว  จะช่วยให้ประเทศชาติบังเกิดความสุข  ความร่มเย็น   และมีโอกาสที่จะปรับปรุงพัฒนาให้มั่นคงก้าวหน้าต่อไปได้ดังประสงค์

                           

                  ระบบเศรษฐกิจพอเพียงมุ่งเน้นให้บุคคลสามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน และใช้จ่ายเงินให้ได้มาอย่างพอเพียงและประหยัด ตามกำลังของเงินของบุคคลนั้น โดยปราศจากการกู้หนี้ยืมสิน และถ้ามีเงินเหลือ ก็แบ่งเก็บออมไว้บางส่วน ช่วยเหลือผู้อื่นบางส่วน และอาจจะใช้จ่ายมาเพื่อปัจจัยเสริมอีกบางส่วน สาเหตุที่แนวทางการดำรงชีวิตอย่างพอเพียง ได้ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในขณะนี้ เพราะสภาพการดำรงชีวิตของสังคมทุนนิยมในปัจจุบันได้ถูกปลูกฝัง สร้าง หรือกระตุ้น ให้เกิดการใช้จ่ายอย่างเกินตัว ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินกว่าปัจจัยในการดำรงชีวิต เช่น การบริโภคเกินตัว ความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ความสวยความงาม การแต่งตัวตามแฟชั่น การพนันหรือเสี่ยงโชค เป็นต้น จนทำให้ไม่มีเงินเพียงพอเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านั้น ส่งผลให้เกิดการกู้หนี้ยืมสิน เกิดเป็นวัฏจักรที่บุคคลหนึ่งไม่สามารถหลุดออกมาได้ ถ้าไม่เปลี่ยนแนวทางในการดำรงชีวิต

                                 



       แหล่งที่มา: http://www.chaoprayanews.com