มหาชนกชาดก

หนังสือ ชาดก และ
ประวัติพุทธสาวก – พุทธสาวิกา ของ
พระมหาสุนทร สุนฺทรธมฺโม เพื่อใช้เป็นหนังสืออ่านประกอบรายวิชาพระพุทธศาสนา
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้บรรจุชาดก เรื่อง มหาชนกชาดก ไว้
จึงขอนำมากล่าวถึงในที่นี้ เพื่อประโยชน์ต่อการศึกษา ดังนี้
ในสมัยหนึ่ง
พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถีทรงปรารภมหาภิเนกขัมมบารมีของพระองค์
ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาทกว่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชาพระนามว่า มหาชนก
ผู้ครองเมืองมิถิลาแคว้นวิเทหะ มีพระโอรส 2 พระองค์ คือ พระอริฏฐชนก
ผู้พี่และพระโปลชนก ผู้น้อง
ต่อมาเมื่อพระมหาชนกสวรรคตแล้วพระอริฏฐชนกขึ้นครองราชย์แทนและทรงตั้งพระโปลชนกเป็นพระอุปราช
ในสมัยนั้นพระโพธิสัตว์กำนิดในครรภ์ของพระเทวีเพราะทรงเชื่อคำของอำมาตย์ผู้ใกล้ชิดพระอริฏฐชนกจึงจับพระโปลชนกขังไว้ด้วยเกรงจะชิงบัลลังก์
ต่อมาพระโปลชนกหนีออกไปได้จึงรวบรวมกำลังพลยกทัพมาชิงบัลลังก์คืน
ในขณะที่เกิดภัยสงครามชิงราชบัลลังก์กัน
พระเทวีปลอมพระองค์เป็นคนสามัญเสด็จหนีออกจากพระนครได้ทันเวลาก่อนที่พระเจ้าโปลชนกจะยกทัพเข้ายึดพระนครพระอินทร์ได้จำแลงเพศเป็นคนขับเกวียนนำส่งเสด็จพระนางจนถึงเมืองกาลจัมปากะภายในวันเดียว
พระนางเข้าพักที่ศาลาริมทางแห่งหนึ่ง ขณะนั้นอาจารย์ทิศาปาโมกข์พร้อมกับศิษย์ 500
คน เดินทางมาพบเข้า
เกิดความเมตตาสงสารจึงรับพระนางไว้เป็นน้องสาวแล้วพาไปอยู่กับครอบครัวตน
ต่อมาไม่นานพระนางก็ประสูติพระราชโอรสทรงระลึกถึงความหลังจึงเอาพระนามของพระเจ้าปู่มาตั้งให้พระโอรสว่า
“มหาชนก”มหาชนกกุมารเจริญวัยแล้วได้ไปเล่นกับเด็กอื่นๆ
เมื่อคราวทะเลาะกับเด็กเหล่านั้นก็ถูกเรียกว่า “เจ้าลูกกำพร้า”ทำให้พระองค์ทูลถามเรื่องชาติกำเนิดกับพระมารดาอยู่เนืองๆ
เมื่อพระมารดาไม่บอก จึงคิดอุบายโดยทูลขอเสวยน้ำนมแล้วกัดเต้านมพระมารดาไว้แน่นพร้อมทั้งขอให้พระมารดาบอกความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของพระองค์
ในที่สุดพระมารดาก็บอกความจริงให้ทรงทราบ
เมื่อพระองค์ทรงทราบความจริงแล้ว
จึงคิดจะไปแย่งชิงราชสมบัติอันเป็นของพระบิดาคืนมาให้ได้ เพื่อแก้แค้นให้พระบิดา
จากนั้นจึงทรงตั้งพระทัยศึกษาศิลปวิทยาทุกอย่างที่จะทำให้งานของพระองค์สำเร็จในภายหน้า
พระองค์ได้ศึกษาจบเมื่อพระชนมายุได้ 16 พรรษา
เมื่อศึกษาศิลปวิทยาจบแล้ว
พระมหาชนกมีพระประสงค์จะแสวงหาทรัพย์เพื่อเป็นกำลังในการชิงเอาราชสมบัติ
และคิดจะขึ้นเรืองสำเภาไปแสวงหาโชคทางสุวรรณภูมิ จึงเข้าไปปรึกษาพระมาดาแต่ถูกห้ามไว้เพราะเห็นว่าการเดินทางออกทะเลนั้นมีอันตรายมาก
แต่ในที่สุดพระมารดาก็ไม่อาจห้ามความตั้งใจจริงของพระโอรสได้
จึงประทานทูนทรัพย์สำหรับค้าขายให้แก่พระราชกุมาร
พระมหาชนกได้จัดซื้อสินค้าต่างๆ
ลงบรรทุกเรือออกไปค้าขายทางทะเลพร้อมกับพ่อค้าประมาณ 700 คน ในวันเดียวกันนั้น
ที่เมือง มิถิลาพระเจ้าโปลชนกก็ประชวรหนัก
จนไม่สามารถเสด็จลุกขึ้นจากพระแท่นบรรทมได้
เมื่อเรือออกแล่นฝ่าคลื่นสมุทรไปได้เพียง 3 วัน
ก็พบกับพายุร้ายพัดโหมกระน่ำจนกระดานเรือแตกน้ำทะลักเข้าท้องเรือสุดจะแก้ไขได้
ขณะที่เรือกำลังจะอัปปางลงพวกพ่อค้าอื่นๆ ต่างก็ตกใจกลัวตายพากันร้องไห้คร่ำครวญ
พากันบวงสรวงเทพดาวิงวอนให้ช่วยเหลือ
ฝ่ายพระมหาชนกหาได้หวั่นพระทัยท้อแท้กลัวตายไม่
รีบเสวยอาหารให้อิ่มท้องแล้วเอาผ้าเนื้อเกลี้ยง 2 ผืน
ชุบน้ำมันแล้วทรงนุ่งผืนหนึ่ง คาดเอวผืนหนึ่ง จากนั้นก็ปีป่ายขึ้นไปบนเสากระโดงเรือ
กำหนดทิศทางอันเป็นที่ตั้งของเมืองมิถิลา
แล้วกระโดดจากเสากระโดงเรือไปตกไกลจากที่เรืออับปาง พ้นจากพวกปลาร้าย เช่น ฉลาม
เป็นต้น ที่เข้ามากินคนในเรือ ส่วนพ่อค้าคนอื่นๆ
ต่างก็จมน้ำตายเป็นอาหารของปลาร้ายในทะเลบริเวณนั้น ในวันเดียวกันนั่นเองที่เมืองมิถิลา
พระเจ้าโปลชนกก็ได้สวรรคต

พระมหาชนกทรงว่ายน้ำมหาสมุทรได้ 7 วันก็เป็นวันอุโบสถพอดี
พระองค์จึงสมาทานอุโบสถศีล
วันนั้นนางมณีเมขลาได้เหาะมาเที่ยวตรวจดูเหตุการณ์ในทะเล
เมื่อพบกับพระมหาชนกกำลังว่ายน้ำทะเลอยู่ ทั้งที่จุดหมายยังอยู่ไกลแสนไกลจึงถามถึงสาเหตุที่ทำเช่นนั้น
พระมหาชนกก็ชี้แจงว่า เป็นคนควรพยายามจนกว่าจะประสบความสำเร็จ
แม้จะมีอุปสรรคยิ่งใหญ่เพียงใดก็ต้องพยายาม
ผู้ที่พยายามอย่างเต็มที่แล้วบัณฑิตย่อมไม่ติเตียน
พระองค์เชื่อมั่นว่าความพยายามย่อมไม่ไร้ผล
เมื่อนางมณีเมขลาได้ฟังดังนั้นแล้วก็ให้ปลื้มปีติเป็นยิ่งนัก
ครั้นทราบจุดมุ่งหมายของพระมหาชนกแล้ว ก็อุ้มพระมหาชนกเหาะมุ่งหน้าสู่เมืองมิถิลา
พระมหาชนกเหนื่อยล้ามาตลอด 7 วัน จึงม่อยหลับไปในอ้อมแขนของนางมณีเมขลา
ครั้นถึงเมืองมิถิลาแล้วนางมณีเมขลาก็วางพระมหาชนกลงบนพระแท่นหินในสวนมะม่วงแห่งหนึ่ง
มอบหมายให้เทวดาที่เป็นเจ้าที่แห่งนั้นดูแลพระมหาชนกจนกว่าจะตื่นแล้วก็เหาะกลับวิมานของตน
ฝ่ายพระเจ้าโปลชนกมีพระธิดาเพียงพระองค์เดียว พระนามว่า สีวลี
ก่อนที่พระองค์จะสวรรคตได้ทรงกำหนดชายผู้ที่จะมาเป็นพระสวามีของพระธิดา
ซึ่งจะได้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป ต้องมีคุณสมบัติ 4 ประการ คือ

1. สามารถทำให้พระธิดาพอพระทัย
2. รู้จักหัวนอนแห่งบัลลังก์ 4 เหลี่ยม
3. สามารถยกธนูที่หนักขนาดต้องอาศัยคนธรรมดาถึงพันคนจึงยกขึ้นได้
4. สามารถชี้ขุมทรัพย์ใหญ่ 16 แห่งได้
หลังจากที่พระเจ้าโปลชนกสวรรคตแล้วก็ไม่มีชายใดมีคุณสมบัติครบทั้ง 4 ข้อ
พวกอำมาตย์ทั้งหลายจึงปรึกษากันว่าไม่ควรปล่อยให้บ้านเมืองว่างจากกษัตริย์
ควรจะเสี่ยงรถหาคู่ให้พระราชธิดา จึงพากันแต่งราชรถสีขาว บนราชรถประดิษฐานเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์
เทียมด้วยม้าสีขาว 4 ตัวแล้วปล่อยไป โดยกำหนดว่า หากรถวิ่งไปหยุดตรงชายใด
ชายนั้นก็คือผู้ที่จะมาเป็นกษัตริย์แห่งกรุงมิถิลา
พอราชรถวิ่งไปถึงพระแท่นที่พระมหาชนกบรรทมก็หยุดอยู่
พวกปุโรหิตจึงทูลเชิญพระองค์ขึ้นประทับรถพระที่นั่งเข้าสู่พระราชวัง แล้วทูลเชิญขึ้นประทับบนปราสาทอภิเษกพระองค์เป็นกษัตริย์แห่งกรุงมิถิลา
และทันทีที่พระนางสีวลีทอดพระเนตรเห็นพระองค์ก็ทรงพอพระทัยยิ่งนัก
จากนั้นพระองค์ได้ทำตามเงื่อนไขที่พระเจ้าโปลชนกได้ตั้งไว้ทั้ง 4 ข้อ
ทำให้ข้าราชบริพารและชาวเมืองต่างก็พากันแซ่ซ้องสรรเสริญพระเกียรติคุณของพระองค์มาก
แล้วจัดให้มีการอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงสีวลีเพื่อสืบราชบัลลังก์ต่อไป
เมื่อพระมหาชนกครองราชสมบัติแล้วได้ส่งอำมาตย์เดินทางไปรับพระมารดา
และอาจารย์ทิศาปาโมกข์มาอยู่ที่เมืองถิมิลา พระองค์ได้ปกครองเมืองโดยทศพิธราชธรรม
โปรดให้สร้างโรงทานหลายแห่งบำรุงสมณพราหมณ์ทั่วราชอาณาจักร
ในพระราชวังก็นิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้ามาฉันภัตตาหารเป็นประจำ
เมื่อพระองค์มีพระราชโอรสนามว่า ทีฆาวุราชกุมาร แล้วทรงตั้งให้เป็นพระอุปราช
และมอบหมายให้ว่าราชการสำคัญแทนพระองค์เสมอ
วันหนึ่ง พระเจ้ามหาชนกเสด็จไปทอดพระเนตรสวนหลวง
ระหว่างทางพบต้นมะม่วง 2 ต้นมีใบเขียวชะอุ่ม ต้นหนึ่งมีผลดก อีกต้นหนึ่งไม่มีผล
ประทับบนคอช้างนั่นเองทรงเก็บเอาผลมะม่วงผลหนึ่งมาเสวยก็ทราบว่าเป็นมะม่วงที่มีโอชารสยิ่ง
ตั้งพระทัยว่าเมื่อเสด็จกลับจะมาเสวยอีก
แต่พอเสด็จกลับก็ทรงพบว่าต้นมะม่วงนั้นถูกโค่นหักรานกิ่งใบจนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่ผลเดียว
จึงสอบถามหาสาเหตุ พวกอำมาตย์จึงกราบทูลให้ทราบว่า
เมื่อมหาชนทราบว่าพระราชาเสวยมะม่วงแล้ว
ต่างก็แย่งกันกินผลมะม่วงนั้นจนต้นถูกทำลายย่อยยับไป
ทำให้พระองค์ทรงสลดพระทัยเป็นอย่างยิ่ง

ในขณะเดียวกันทรงสังเกตเห็นต้นมะม่วงอีกต้นหนึ่งที่ไม่มีผลยืนต้นอยู่อย่างสง่างาม
ทรงพิจารณาเปรียบเทียบว่า ต้นมะม่วงที่มีผลเปรียบได้กับความเป็นกษัตริย์
ซึ่งมีการแก่งแย่งเบียดเบียนทะเลาะเบาะแว้งแสวงหาผลประโยชน์ก่อทุกข์ไม่สิ้นสุด
ส่วนการบรรพชาที่มีความสงบปราศจากโทษและความวุ่นวายเปรียบได้กับต้นมะม่วงที่ไม่มีผล
จึงมีพระทัยน้อมไปในการบรรพชา
เมื่อเสด็จกลับเข้าสู่พระนครแล้วก็ทรงมอบพระราชกิจต่างๆ
ให้พระราชโอรสและเสนาอำมาตย์ช่วยกันบริหาร
ส่วนพระองค์เสด็จขึ้นสู่ปราสาทบำเพ็ญสมณธรรม โดยมิให้ผู้ใดรบกวน
ทรงปฏิบัติเช่นนี้อยู่ในพระราชวังตลอด 4 เดือน ในที่สุดก็ปลงพระทัยสละราชสมบัติออกผนวชในป่าใหญ่แห่งหนึ่ง
พระองค์พอพระทัยในการบวชอย่างยิ่งถึงกับเปล่งอุทานว่า
การบวชเป็นความสุขแท้จริงหนอ เมื่อพระนางสีวลีทราบว่าพระสวามีเสด็จออกผนวช
จึงรีบตามเสด็จไปกราบทูลชักชวนให้เสด็จกลับและใช้กุสโลบายต่างๆ เพื่อให้พระสวามีเปลี่ยนพระทัย
แต่ก็ไม่อาจทำให้พระมหาชนกเปลี่ยนพระทัยได้ เพราะพระองค์ได้ทรงพบว่า
ชีวิตที่มีความสุขที่แท้จริง คือ ชีวิตที่สงบเรียบง่าย
ทั้งได้รับโอวาทธรรมจากพระดาบสผู้ทรงฌานอยู่เสมอ
ทำให้พระองค์มีพระทัยไม่หวั่นไหวมีวิริยะอุตสาหะบำเพ็ญสมณธรรมให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
ส่วนพระนางสีวลีเมื่อไม่อาจทำให้พระสวามีเปลี่ยนพระทัยได้
จึงเสด็จกลับพระนครและบำเพ็ญพระองค์เป็นนักบวชอยู่ในพระราชอุทยานแห่งกรุงมิถิลานั่นเองตราบสิ้นชีวิต
ชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เกิดเป็นคนควรพยายามร่ำไป อย่าท้อถอย
สิ่งที่หวังไว้ย่อมสำเร็จได้ เข้าทำนอง ความพยายามอยู่ที่ไหน
ความสำเร็จอยู่ที่นั้น
แหล่งที่มา : http://mediacenter.mcu.ac.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น